ท่านเคยรับประทานอาหารเช้าตามโรงแรมต่างๆไหม ที่เค้าเรียกกันว่า ABF (American Breakfast) ก็จะพบกับเบคอนทอดนั้นหอมมีสีเหลืองและกรอบน่ารับประทาน แต่พอเราซื้อมาทอดทานเองที่บ้านทีไรเป็นต้องงอหงิกทุกที ไม่น่ารับประทานเอาเสียเลย เลยไปเสาะหามาเล่าสู่กันฟังว่าทำอย่างไรถึงจะทอดเบคอนแล้วไม่ทำให้งอ วิธีการง่ายๆก็คือ เวลาจะทอดเบคอนให้นำเบคอนไปจุ่มนมสดให้ทั่วทั้งแผ่นก่อน แล้วนำไปทอดในกระทะที่แบบๆ โดยไม่ต้องใส่น้ำมัน ให้ใช้ไฟปานกลาง ทอดจนเบคอนเหลืองกรอบ เท่านี้ก็จะได้เบคอนที่สวยน่ารับประทานแล้วล่ะค่ะ




คนไทยนิยมเรากินอาหารทอดอย่างแพร่หลายเนื่องจากรสชาติที่กรอบ อร่อยและมีสีสันที่สวยงาม สิ่งที่สำคัญในการทอด คือ น้ำมัน นอกจากจะทำให้ อาหารของเราสุกแล้ว ยังเป็นตัวดูดซับวิตามิน เอ ดี อี เค อันจำเป็นต่อร่างกาย แต่น้ำมันนั้นเป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุ และคนอ้วน ดังนั้นการกินอาหารทอดมากๆ อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
วิธีทอดอาหารให้ไม่อมน้ำมัน วิธีง่ายๆคือ เวลาทอดให้ใช้ไฟปานกลาง ค่อนข้างร้อน เมื่อของที่ทอดสุกแล้ว เวลาที่ใกล้จะนำขึ้นจากกระทะ ให้เร่งไฟแรงขึ้นเพื่อให้น้ำมันเดือดสักครู่หนึ่ง จึงตักอาหารขึ้นจากกระทะ วิธีเพียงแค่นี้ก็จะทำให้อาหารที่ท่านทอดไม่อมน้ำมันแล้วล่ะค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นขนมปังหน้ากุ้ง หรือปาท่องโก๋ อาหารอร่อยๆ ที่แค่ได้ยินชื่อก็เรียกน้ำย่อยมารอในกระเพาะได้แล้ว แต่ความอร่อยนั้นคงจะลดลงทันทีที่เมื่อเรากัดเข้าปากแล้วต้องเจอกับสภาพน้ำมันเยิ้มออกมาจนทำให้รู้สึกเลี่ยนไปเลย จะทำยังไงให้อาหารประเภททอดๆ ทานแล้วไม่เลี่ยน คำตอบง่ายๆก็คือต้องทอดให้ไม่อมน้ำมันเทคนิคก็ง่ายๆ แค่เราใส่น้ำส้มสายชูเล็กน้อยลงไปในน้ำมันที่จะใช้ทอด แล้วก็ทอดตามปกติ เพียงเท่านี้เมนูโปรดของคุณก็จะไม่อมน้ำมันแล้วล่ะค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ

คงดูงามแน่ ถ้าท่านต้องคอยเอาฝาหม้อ แทนเกราะป้องกันน้ำมันกระเด็นใส่เวลาที่ทอดปลา เคล็ดง่ายๆ ค่ะ เพียงแค่ท่านทาเกลือที่ตัวปลาก่อนที่จะนำไปทอดค่ะ เพียงแค่นี้ก็จะช่วยให้น้ำมันไม่กระเด็นอีกต่อไปค่ะ ( ก่อนนำไปทอดอย่าลืมสะเด็ดน้ำในตัวปลาให้แห้งก่อนนะคะ เพราะถึงท่านจะทาเกลือแล้ว แต่ถ้าท่านยังไม่เทน้ำออกจากตัวปลาแล้วล่ะก็ น้ำมันก็จะกระเด็นเช่นเดิมค่ะ)

การทอดปลาทูนั้น ควรใช้ไฟข้างแรงๆ (แต่ไม่ต้องแรงมากถึงขนาดผัดผักบุ้งไฟแดงนะคะ) ไม่ควรกลับตัวปลาบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวปลาถลอกทำให้ดูไม่สวย ให้รอจนกระทั่งข้างที่ลงทอดก่อนเริ่มเหลือง แล้วจึงค่อยกลับตัวปลาเพื่อทอดอีกข้างหนึ่งค่ะ รอจนเหลืองกรอบ แล้วค่อยกลับอีกด้านทอดอีกสักครู่ก็ใช้ได้แล้วค่ะ เป็นอันเสร็จพิธี

เวลาที่ท่านทอดปลาสดๆนั้น ถ้าเป็นปลาที่แล่เอาก้างออกแล้ว เวลาทอดให้ท่านเอาด้านที่เป็นหนังปลานั้นลงก่อนค่ะ หลังจากนั้นใช้ตะหลิวกดชิ้นปลาไว้จนกว่าจะหยุดหดตัวค่ะ เพราะจะทำให้ปลาไม่งอ หลังจากนั้นค่อยกลับเอาทางเนื้อลงทอดจนเหลืองกรอบค่ะ

ปลา เป็นอาหารที่มีโปรตีนมาก เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ  เพราะว่าเป็นอาหารที่ย่อยง่าย และไม่มีคลอเรสเตอรอล นอกจากนั้นเนื้อปลายังมีไขมัน และแร่ธาตุอื่นๆอีกด้วย เช่น แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ปลาที่มีความสดและใหม่นั้น เมื่อทอดหนังปลาจะไม่ติดกระทะค่ะ ต่างกับปลาที่ไม่สด ถึงแม้ว่าปลาจะไม่สดอย่างไรก็ตาม เรามีวิธีแก้ไขค่ะ คือ หลังจากที่ขอดเกล็ดปลาเสร็จแล้วนะคะ ให้นำไปล้างน้ำให้สะอาด และซับเนื้อปลาให้แห้งดี หลังจากนั้นทาเกลือป่นให้ทั่วตัวปลา แล้วจึงนำลงทอดในน้ำมันที่ร้อนค่ะ ให้รอจนปลาลอยตัวขึ้นมาก่อนค่ะ แล้วจึงค่อย พลิกกลับอีกด้านหนึ่ง ห้ามพลิกหรือกลับปลาไปมาบ่อยๆ เพราะจะทำให้เนื้อปลาเละค่ะ

(น้ำมันที่มีความเหมาะสมในการทอดปลานะคะ แนะนำให้ใช้ น้ำมันจากสัตว์ หรือน้ำมันปาล์มค่ะ)

ทอดมันจะให้ทานได้อร่อยนั้น เวลาทำต้องนวดส่วนผสมให้เหนียว ยิ่งเหนียวได้ที่ ก็ยิ่งทอดแล้วทานอร่อยค่ะ แต่ว่าเวลามันเหนียวแล้วนี่สิคะ ก็เลยทำให้ทอดลำบาก เพราะว่ามันเหนียวติดมือค่ะ
ที่จริงแล้วไม่ยากเลยค่ะ เวลาที่ท่านจะปั้นทอดมันลงทอดนั้น ให้ท่านเตรียมชามใบใหญ่ๆ แล้วใส่น้ำเปล่าลงไป แล้วตามด้วยเกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้นคนให้ละลาย พอน้ำมันในกระทะร้อนได้ที่แล้ว ให้ท่านเอานิ้วมือจุ่มในน้ำเกลือังกล่าว ก่อนใช้มือข้างนั้น ปั้นส่วนผสมลงทอดค่ะ ส่วนผสมจะไม่ติดมือค่ะ ถ้าเริ่มปั้นแล้วเหนียวติดมืออีก ก็ให้เอามือไปจุ่มน้ำเกลือใหม่ค่ะ แค่นี้เวลาปั้นทอดมัน ก็จะไม่ให้เหนียวติดมืออีกต่อไปค่ะ


เนื้อไก่ ให้ล้างแล้วผึ่งให้แห้ง ตำกระเทียมพริกไทยเม็ดให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่เกลือ นำไปหมักกับไก่อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงนะคะ หลังจากนั้นเรียงใส่จาน เพื่อนำไปนึ่งในลังถึง พอถึงเวลานำลงนึ่งก็ต้องให้น้ำเดือดก่อนนะคะ นึ่งจนไก่พอสุก หลังจากนั้นก็นำออกจากลังถึง รอให้เย็นตัวลง พร้อมทั้งผึ่งให้แห้ง
พอแห้งแล้วให้นำไก่ไปคลุกกับแป้งสาลี (หรือจะใช้แป้งชุบทอด ที่ขายกันทั่วไปก็ได้ค่ะ) คลุกกับแป้งแห้ง ๆ หลังจากนั้นก็ชุบด้วยไข่ไก่ที่ตีเข้ากันแล้ว แล้วค่อยนำไปคลุกเกล็ดขนมปัง แล้วเอาไปทอด ในน้ำมันที่ร้อนจัด ด้วยไฟปานกลางนะคะ พอเกล็ดขนมปังสุกเหลือแล้ว จึงช้อนขึ้นพักสะเด็ดน้ำมันสัครู่ เท่านี้ก็จะได้ไก่ทอด กรอบนอกนุ่มในแล้วล่ะค่ะ 
อีกหนึ่งวิธี กรณีที่ไม่ชอบแบบชุบเกล็ดขนมปังทอด หลังจากที่นึ่งเสร็จ ให้รอจนไก่เย็นตัวลงแล้ว หลังจากนั้นนำไปชุบกับแป้งทอดกรอบ เคล็ดลับสำคัญ อยู่ที่ เวลาที่ผสมแป้งกับน้ำ ให้ใช้น้ำเย็นนะคะ ผสมให้แป้งข้นพอชุบติด แล้วจุ่มไก่ลงทอด ในน้ำมันร้อนจัดเช่นกันค่ะ ท่านก็จะได้ไก่ทอดกรอบ นอกนุ่มในอีกแบบนึงขอให้อร่อยนะค่ะ

แกงเลียงนั้นอาหารที่มีรสชาติเฉพาะตัว อร่อยเผ็ดร้อนพริกไทย หอมกลิ่น สมุนไพรจากพืชผักหลากหลายชนิด มีประโยชน์ในการขับพิษไข้เป็นอย่างดีค่ะ บ่อยครั้งเพราะความอร่อยแม่บ้านจึงอยากทำไว้เยอะๆ เผื่อว่าจะรับประทานได้ มากกว่า 1 มื้อ แต่พอถึงมื้อที่สอง แกงกลับไม่น่ารับประทานเอาเสียแล้ว เพราะเนื้อผักเละไปหมด
วิธีแก้ปัญหาได้ไม่ยากเลยค่ะ เวลาที่ท่านทำน้ำแกงเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งใส่ผัก ให้แบ่งน้ำแกงส่วนที่อยากจะเก็บไว้ออกไปเสียก่อน หรือจะตักแบ่งออกมา เอาเฉพาะส่วนที่จะทานวันนี้ก็ได้ค่ะ แล้วค่อยใส่ผักลงไปเดือดอีกครั้งก่อนที่จะตักเสิร์ฟนั้น น้ำแกงส่วนที่จะเก็บให้นำไปแช่ไว้ในตู้เย็น เวลาจะรับประทานค่อยนำออกมาอุ่นร้อน และใส่ผัก ทำตามขั้นตอนเดิม แค่นี้ท่านก็จะได้แกงเลียงไว้กินหลายๆมื้อแล้วล่ะค่ะ
: คู่มือเคล็ดลับคู่ครัว


แกง กะทิที่เราจะพูดถึงนั้น หมายถึงแกงไทย ที่ต้องใช้กะทิ เวลาแกงค่ะ ซึ่งมีอยู่มากมายหลายอย่างด้วยกัน ตัวอย่างเช่น แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด มัสมั่นและแพนง เป็นต้น
    จุดหลักของความอร่อยนั้น ต้องเริ่มต้นที่น้ำพริกแกงค่ะ ในปัจจุบันนี้จะหาใคร มีเวลามานั่งตำน้ำพริกแกงเอง ก็คงยากเต็มทนแล้วค่ะ แต่ขอให้คุณแม่บ้าน ใช้วิธีลองผิดลองถูกค่ะ คือลองสลับซื้อของจากเจ้าโน้นทีของเจ้านี้ที แล้วสังเกตุว่าเวลาเอามาแกงแล้ว ของที่ซื้อมายี่ห้อไหน น้ำพริกแม่อะไร อร่อยที่สุดค่ะ แล้วครั้งต่อไป เวลาจะแกงแกงก็ซื้อเจ้าที่เราถูกปากที่สุดค่ะ
    สิ่งสำคัญต่อมา ก็คือกะทิค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ใช้กะทิสดนะคะ แบบว่าให้ซื้อมะพร้าวขูดมาคั้นเอง เอาเป็นมะพร้าวใหม่ๆ จริงๆ ขูดใหม่ๆ คั้นกันใหม่ๆ แต่ถ้าไม่มีเวลาล่ะก็ ก็ใช้เคล็ดลับแบบที่เหนื่อยน้อยหน่อยก็ได้ค่ะ ไม่ต้องขูดมะพร้าว แบบมะหมี่ก็ได้ ใช้กะทิแบบกล่องแทนก็ได้ค่ะ

   
เวลา ที่แกง ท่านต้องผัดน้ำพริกแกงก่อนนะค่ะ แล้วหลังจะนั้นให้เอาหัวกะทิลงไปเคี่ยวในกะทะให้แตกมัน แล้วใส่น้ำพริกแกงตามลงไป ผัดไปเรื่อยๆ คอยสังเกตุดูว่าถ้าผสมเริ่มแห้ง ก็เติมท่านกะทิลงไปอีกพอแฉะ แล้วก็ผัดต่อไปเรื่อยๆ จนน้ำพริกแกงแตกมัน มีกลิ่นหอม (แนะนำให้ผัดน้ำพริกแกง ในครัวเปิดที่มีเครื่องดูดควันนะคะ แต่ถ้าเป็นครัวปิดแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่า จามกันทั้งบ้านแน่ๆ)
   หางกะทิ เวลาที่เราแกงไม่ควรใส่น้ำหางกะทิมากจนเกินไปคะ ใส่ให้แต่พอทำให้แกง "ขลุกขลิก" แกงจะได้รสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นค่ะ

นอกจากตัวของน้ำพริกแกง ที่มีความสำคัญแล้ว ขั้นตอนการปรุง และสัดส่วน ระหว่างน้ำแกงกับผักนั้น ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันค่ะ ในการที่จะทำให้แกงส้มได้อร่อยนั้น ต้อง เริ่มตั้งแต่การตั้งน้ำในหม้อ ต้องรอให้น้ำเดือดก่อน แล้วจึงค่อยใส่พริกแกง (จะทำให้น้ำแกงมีกลิ่นหอมค่ะ) หลังจากที่ใส่น้ำพริกแกงลงไปแล้ว ให้เบาไฟกลาง รอให้น้ำพริกแกงเดือดสักครู่ใหญ่ๆ ถ้าท่านรีบใส่ผักกับเครื่องอื่น ๆ ลงไปก่อน จะทำให้ท่านได้แกงส้มที่มีรสเผ็ดแบบแผด ๆ ไม่กลมกล่อม ทานไม่อร่อยอีกด้วย่ะ
   หลังจากที่เคี่ยวน้ำพริกแกงสักครู่แล้ว หลังจากนั้นก็ให้ใส่ผักลงต้มรอจนผักสุกนุ่ม แล้วจึงค่อยจึงใส่เนื้อปลาหรือกุ้ง ข้อยกเว้น กรณีที่ท่านจะทำแกงส้มผักกระเฉดนั้น ให้ท่านใส่ปลาปรุงรสก่อน แล้วรอจนน้ำเดือด หลังจากนั้นจึงค่อยใส่ผักกระเฉดเป็นอันดับสุดท้ายค่ะ แล้วปิดเตาทันที เพราะหากว่าผักกระเฉดถูกความร้อนนานจะเหนียว ทานไม่อร่อยค่ะ

   แกงส้มปลา การที่ท่านใช้ปลาที่สดใหม่ ที่ยังไม่ได้แช่เย็นนั้น จะทำให้ท่านได้เนื้อปลาที่นุ่ม อร่อย ไม่ยุ่ยด้วยค่ะ แต่ถ้ากลัวว่าแกงที่เราทำแล้วจะมีกลิ่นคาว ให้เรานำปลาไปหั่นเป็นชิ้นๆ ตามต้องการ แล้วให้นำไปลวกสักครั้งหนึ่งก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยนำไปแกง แต่ถ้าปลาไม่ค่อยสด หรือเป็นปลาแช่เย็นนั้น ขอแนะนำให้นำไปทอดก่อนค่ะ ทอดให้พอเหลือง แล้วค่อยนำมาแกงจะดีกว่าค่ะ
   สุดยอดของเคล็ดลับ ถ้าท่านอยากได้แกงส้มที่มีน้ำเข้มข้นแล้วล่ะก็ ให้ผสมเนื้อปลาลงในน้ำพริกแกงก่อนนำไปแกงด้วยค่ะ มีวิธีการตามนี้ค่ะ ให้นำเนื้อปลาที่จะใช้ต้ม แบ่งออกมาเล็กน้อย แล้วนำไปต้มจนสุก หลังจากนั้นให้แยกก้างออก แล้วนำไปโขลกในครก เพื่อให้เนื้อปลาแตก หลังจากนั้น ให้ใส่น้ำพริกแกงส้ม ที่เตรียมไว้ลงไปโขลกรวมกันกับเนื้อปลาที่กำลังโขลกอยู่ แล้วจึงนำไปแกง ทำตามขั้นตอนปรกติ ท่านจะได้น้ำแกง ของแกงสัมที่เข้มข้นขึ้นและทำให้น่าทานมากยิ่งขึ้นค่ะ
: คู่มือเคล็ดลับคู่ครัว

การลวกเส้นสปาเกตตี้นั้นจะว่าง่ายก็ง่าย ถ้าจะว่ายากก็ยาก เพราะบางครั้งหากเราลวกไม่พอดี ก็อาจจะทำให้เส้นเละไป หรือไม่ก็แข็งไป รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะสปาเกตตี้จะอร่อยหรือไม่อร่อย ส่วนนึงก็อยู่ที่เส้นค่ะ การที่จะลวกเส้นสปาเกตตี้ให้อร่อยนั้น ต้องเริ่มจากใส่เกลือ ลงไปเล็กน้อยในน้ำที่ใช้ลวก พอน้ำเดือดแล้ว ก็ให้ใส่เส้นสปาเกตตี้ลงไป ต้มจนเส้นอ่อนตัวแล้วลองตักเส้นขึ้นมาชิม... สังเกตว่าถ้าเส้นยังกรุบๆ อยู่ตรงกลางเล็กน้อย ก็แสดงว่าใช้ได้แล้ว หลังจากนั้นยกหม้อขึ้น แล้วช้อนเส้นขึ้นให้สะเด็ดน้ำแล้ว แล้วนำไปแช่ลงในน้ำเย็นทันที พอเส้นเย็นแล้วค่อยตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำอีกครั้งนะคะ แล้วนำคลุกเคล้าด้วยน้ำมันเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จ หลังจากนั้นก็นำไปปรุงรสต่อได้ค่ะ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เส้นสปาเกตตี้ที่นุ่มและน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นค่ะ
: คู่มือเคล็ดลับคู่ครัว

คนไทยนิยมรับประทานน้ำพริกต่างๆคู่กับผัก และก็ถือได้ว่าน้ำพริกเป็นสำรับเอกที่ใช้ในการรับแขก ซึ่งหากผักที่ใช้สำหรับรับประทานคู่กับน้ำพริกนั้นมีสีสันไม่น่ากินเอาเสียเลย ก็จะทำให้เจ้าบ้านเกิดความอับอายได้ วิธีที่จะต้มผักให้มีสีเขียวสวยนั้น คือ เวลาต้มให้ใส่เกลือป่นลงไปในน้ำสำหรับต้มผักสีเขียว และให้เหยาะน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อยจะทำให้ผักที่คุณต้มนั้นมีผิวมันน่ารับประทานยิ่งขึ้น ส่วนผักสีขาว เช่น หัวไชเท้า หรือกะหล่ำปลี ให้ใส่น้ำส้มสายชูลงไปในน้ำที่ต้ม จะทำให้ผักที่คุณต้มมีสีขาวสวยน่ารับประทานยิ่งขึ้นค่ะ
: คู่มือเคล็ดลับคู่ครัว

ถ้าคุณอยากให้ข้าวต้มที่คุณต้มนั้น หอม...น่ารับประทานแล้วล่ะก็ เรามีวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ข้าวต้มที่คุณต้มนั้นหอม...น่ารับประทานค่ะ คือ เวลาที่คุณต้มข้าวต้มให้ใส่ใบเตยลงไปสัก 2-3 ใบ ด้วยค่ะ อย่างลืมล้างให้สะอาดก่อนนะคะ  ถ้าเกิดว่าหุงหม้อใหญ่ๆก็ให้ใส่เยอะหน่อย พอข้าวสุกแล้วค่อยตักออกค่ะ แค่นี้คุณก็จะได้ ข้าวต้มที่หอม...น่ารับประทานแล้วล่ะค่ะ
: คู่มือเคล็ดลับคู่ครัว

หลายๆท่าน คงจะเคยประสบกับปัญหาเวลาทำต้มยำปลาแล้วมีกลิ่นคาว ทั้งนี้เนื่องมาจากโดยธรรมชาติในตัวของปลาจะมีโปรตีนและไขมันอยู่ ยิ่งปลามีไขมันมากก็จะยิ่งมีกลิ่นคาวมาก โปรตีนในปลาจะละลายออกเมื่อถูกน้ำอุ่นและทำให้เกิดกลิ่นคาว การป้องกันกลิ่นคาวของปลานั้น ทำได้โดย ต้มน้ำซุปให้เดือดพร่านก่อนแล้วจึงค่อยใส่ปลาลงไป รวมทั้งเมื่อใส่ปลาลงไปแล้ว ก็ไม่ควรเขี่ยหรือคนที่เนื้อปลาจนกว่าเนื้อปลาจะสุก วิธีนี้จะทำให้เนื้อปลาของท่านไม่มีกกลิ่นเหม็นคาวอีกต่อไปค่ะ
: คู่มือเคล็ดลับคู่ครัว


ก่อน ที่เราจะนำไก่ไปต้มนั้น เราต้องทำความสะอาดไก่ก่อน ดึงขนส่วนที่ตกค้างตามส่วนต่างๆออกแล้วล้างให้สะอาดรวมทั้งด้านในตัวไก่ด้วย หลังจากนั้นใส่เกลือลงไปในท้องไก่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ต้มน้ำให้เดือดก่อนแล้วจึงนำไก่ลงไปต้ม แล้วให้เบาไฟลง น้ำที่ต้มควรท่วมไก่ คอยเติมน้ำอยู่เสมอ เมื่อน้ำเดือดปุดๆ เล็กน้อยแล้ว เราก็ต้องช้อนฟองที่เดือดปุดๆออก เพื่อไม่ให้ฟองนั้นติดไก่จนเป็นคราบ ต้มจนไก่สุก น่าจะประมาณ 30-40 นาที เท่านี้ท่านก็จะได้ไก่ที่ต้มแล้วมีตัวสวยและหนังไม่ลอกอีกด้วยค่ะ
: คู่มือเคล็ดลับคู่ครัว


ผักลวก รับประทานกับน้ำพริกได้หลากหลายชนิด เป็นอาหารอร่อยคู่กับคนไทยอย่างเราๆ มาช้านาน แต่หลายๆครั้งที่เราลวกผักผักมักจะมีสีคล้ำไม่น่ารับประทานเอาเสียเลย เรามีเทคนิคง่ายๆค่ะเพื่อที่จะทำให้ผักที่ท่านลวกนั้นน่าทานมากยิ่งขึ้น ขั้นตอนที่หนึ่งก็คือ ล้างผักให้สะอาด เลือกเอาส่วนที่เน่าเสียทิ้งไป แล้วแยกผักออกเป็นส่วนๆ คือส่วนก้านและส่วนใบ ขั้นตอนที่สอง ใช้น้ำให้น้อยดูว่าพอดีท่วมผักเมื่อใส่ลงไปในหม้อแล้ว ต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่เกลือและน้ำมันพืช ลงไปอย่างละประมาณ 1 ช้อนชา เกลือ : ทำให้ผักมีรสชาติมากยิ่งขึ้น น้ำมันพืช : ทำให้ผักมีสีเขียวดูน่าทาน ขั้นตอนที่สาม เร่งไฟให้แรง เมื่อน้ำเดือดแล้ว ก็นำผักใส่ลงไป ให้ใส่ส่วนก้านก่อน แล้วค่อยตามด้วยส่วนใบ ถ้าท่านต้องการที่จะต้มทั้งต้น ก็ให้ใส่ก้านลงไปก่อนแล้วค่อยๆวางส่วนใบลงต้มทั้งต้น ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อผักสุกและมีใบเป็นสีเขียวสม่ำเสมอแล้ว ให้ตักผักออกและให้นำไปแช่ในน้ำเย็นทันที เพื่อให้ผักคลายความร้อนทันทีหลังจากการต้ม และเพื่อไม่ให้ผักสุกต่อ ถ้าปล่อยให้สุกต่อผักจะเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล หรือเขียวคล้ำ เท่านี้ท่านก็จะได้ผักลวกที่มีสีเขียวและน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นค่ะ
: คู่มือเคล็ดลับคู่ครัว